ชุดนักศึกษาไทย โผล่เว็บขายสินค้าคอสเพลย์ญี่ปุ่น


ปัจจุบันนิยามของคอสเพลย์ไม่ได้มีเพียงการแต่งกายเลียนแบบตัวละครการ์ตูนญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการแต่งตัวเลียนแบบตัวละครในเกม ภาพยนตร์ และวงดนตรี ทั้งของญี่ปุ่นและของประเทศอื่นๆ ด้วย ซึ่งการแต่งกายเลียนแบบตัวละครที่เราชื่นชอบ ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่วัยรุ่นไทยให้ความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ บ้างก็ว่าเป็นการปลดปล่อยจินตนาการ และเป็นกิจกรรมที่ชาวคอสเพลย์ทำเพื่อใช้เป็นพื้นที่ในการแสดงออกทั้งในเรื่องความคิดและความสามารถด้านการแสดง และปฏิเสธไม่ได้เลยว่าชุดที่ได้รับความนิยมสุดๆ นั่นคือชุดนักเรียน ที่ไม่ว่าจะไปงานไหน ชุดนักเรียนญี่ปุ่นก็ต้องมีให้เห็นเสมอ ถือเป็นสีสันที่ขาดไม่ได้ แต่ทว่าชุดนักศึกษาไทยของเราไปปรากฏบนเวทีคอสเพลย์ของประเทศญี่ปุ่นบ้างล่ะจะเป็นอย่างไร..
จากกรณีที่เว็บไซต์ http://global.rakuten.com/en/store/only-and-one/item/k07152/ ซึ่งเป็นเว็บไซต์ของประเทศญี่ปุ่นที่ให้บริการเกี่ยวกับการซื้อขายสินค้าผ่านทางอินเทอร์เน็ต ได้ปรากฏการซื้อขายชุดนักศึกษาหญิงของมหาวิทยาลัยรามคำแหง เพื่อนำไปใช้เป็นชุดสำหรับคอสเพลย์ ซึ่งไม่เพียงแต่จัดจำหน่ายแค่ชุดฟอร์มนักศึกษาเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงเข็มติดหน้าอก เข็มขัด และกระดุมที่มีตราสัญลักษณ์มหาวิทยาลัยรามคำแหงปรากฏอีกด้วย ถือว่าเป็นอีกหนึ่งประเด็นที่ชาวโซเชียลให้ความสนใจ และมีการตั้งคำถามถึงความเหมาะสมในการนำเครื่องแบบนักศึกษาไทยอันทรงเกียรติไปขายผ่านเว็บไซต์เพื่อใช้ในการสวมใส่เป็นชุดคอสเพลย์หรือไม่ ทางทีมข่าว Life on Campus จึงได้ติดต่อไปทางรองอธิการบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยรามคำแหง “อาจารย์ สมหมาย สุระชัย” ถึงกรณีดังกล่าว
“ตอนนี้ผมยังไม่ได้เห็นรายละเอียดว่าเว็บนี้เป็นยังไง เป็นไปในทางที่ไม่ถูกต้องหรือไม่ และมีแนวโน้มไปในทิศทางใด ถ้าเว็บนี้นำชุดนักศึกษาไปลงเว็บซื้อขายแล้วเป็นไปในทางอนาจาร ก็จะขอให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบรายละเอียดก่อน และจะดำเนินการต่อไป แต่ถ้าไม่ใช่เรื่องที่ส่อไปในทางเสื่อมเสียไปในลักษณะนั้น ไม่รุนแรงถึงขั้นนั้น เราก็ต้องตรวจสอบอีกเหมือนกันครับ เพราะปกติแล้วชุดนักศึกษาถือว่าเป็นเรื่องของมหาวิทยาลัยในการที่จะต้องควบคุมคนที่ไม่มีสิทธิ และแอบอ้างตัวในการเอาชุดนักศึกษาของเราไปใช้ ซึ่งทางมหาวิทยาลัยรามคำแหงได้กำหนดเรื่องเครื่องแบบไว้ใน พ.ร.บ มหาวิทยาลัยอย่างชัดเจน ว่าเครื่องแบบนักศึกษาเราเป็นอย่างไร ถ้าหากนำชุดนักศึกษาเราไปใช้แสวงหาผลประโยชน์ ก็ต้องปรึกษาทางมหาวิทยาลัยก่อน ว่ากรณีนี้จะดำเนินการอย่างไรต่อไป”
ส่วนมหาวิทยาลัยรามคำแหงนั้น จะมีลักษณะพิเศษตรงที่ไม่บังคับให้นักศึกษาเข้าเรียน ซึ่งมหาวิทยาลัยรามคำแหงมีนักศึกษาจำนวนมาก ขณะนี้มีผู้ที่อยู่ในสภาพนักศึกษาจำนวน 2 แสนกว่าคน ซึ่งอาจยากต่อการควบคุมหรือตรวจสอบอะไรได้มากนัก ยกเว้นแต่จะมีภาพหรือชื่อนักศึกษาคนนั้น ก็จะสามารถตรวจสอบจากทะเบียนนักศึกษาได้ ทาง Life on Campus จึงสอบถามเรื่องการซื้อขายชุดนักศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ ว่ามีการเข้าถึง หรือซื้อขายยาก-ง่ายเพียงใด
“จริงๆ การขายชุดนักศึกษาที่เป็นทางการเราจะจัดจำหน่ายไว้ที่สำนักพิมพ์ของมหาวิทยาลัย แต่ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้คือการขายชุดนักศึกษาที่ขายตามร้านนอกมหาวิทยาลัย ซึ่งก็จะเหมือนกับมหาวิทยาลัยอื่นๆ ที่เห็นขายทั่วไปตามแถวมาบุญครอง หรือท่าพระจันทร์ ก็มีขายกัน ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละมหาวิทยาลัยว่าจะรณรงค์อย่างไรในเรื่องของการแต่งกายที่ถูกระเบียบ ส่วนในกรณีนี้เราก็ติดตามดูว่าการนำเอากระดุม เข็มขัด หรือเข็มมหาวิทยาลัยไปขาย จะต้องมีการห้ามปราม แต่เราไม่ได้จดทะเบียนลิขสิทธิ์เอาไว้ ซึ่งตรงนี้ก็เป็นปัญหาอีกเหมือนกัน เพราะบางทีนักศึกษาก็ไปซื้อจากข้างนอก หน้ามหาวิทยาลัยรามคำแหงก็มีวางแผงขาย ทางเราก็ให้ตำรวจเข้าไปดูแล จึงเป็นการยากที่จะควบคุมการซื้อขายจากร้านนอกมหาวิทยาลัย อย่างไรก็ตาม ทางเราจะแจ้งให้เจ้าหน้าที่ติดตาม และปรึกษากับทางผู้บริหารเพื่อดำเนินการต่อไป”
อีกหนึ่งฝั่งเสียงของสาวคอสเพลย์ชาวไทย เมื่อถามถึงความนิยมของสาวกคอสเพลย์คนไทยที่ส่วนใหญ่เลือกหยิบชุดยูนิฟอร์มญี่ปุ่นมาใส่เลียนแบบกันมากเป็นพิเศษ แอมได้ให้รายละเอียดกับทางทีมข่าวว่า “จริงๆ การคอสเพลย์หลักๆ มีอยู่ด้วยกัน 2 แบบค่ะ คือการคอสเพลย์เป็นตัวอะไร ชุดตัวละครชื่ออะไร และ คอสออริ ย่อมาจาก ออริจินัล คือไม่มีต้นแบบ ก็จะเป็นพวกชุดพยาบาล ทหาร ตำรวจ กิโมโน ชุดเมท รวมไปถึงชุดนักเรียนด้วย และถ้าพูดถึงความฮิตที่คอสเพลย์คนไทยเลือกใส่มากที่สุดก็คือ ชุดยูนิฟอร์ม เพราะเป็นชุดที่เบสิกที่สุดแล้ว เป็นชุดเรียบๆ หาซื้อได้ง่าย และไม่ว่าใครจะใส่ก็เข้าหมด ” และอีกเหตุผลสำคัญที่สาวกคอสเพลย์เลือกหยิบชุดนักเรียนญี่ปุ่นมาคอสเพลย์คือ “บ้านเขาเป็นอุตสาหกรรมการ์ตูน จึงมีการสอดแทรกวัฒนธรรมบ้านเขาเข้ามาในรูปแบบสื่อการ์ตูนด้วย เช่น เวลาดูการ์ตูนแล้วเห็นตัวละครที่ใส่ชุดนักเรียน ทำให้เรารู้สึกแปลกตา น่ารักน่าใส่ เพราะขนาดบ้านเขาที่ใส่ชุดนักเรียนกันอยู่แล้วก็ยังคอสเพลย์ชุดนักเรียนตามการ์ตูนกันเลย”
แอมยังพูดถึงการสั่งตัดชุดตามแบบยูนิฟอร์มของญี่ปุ่นอีกด้วยว่า ไม่จำเป็นต้องลอกเลียนแบบชุดของญี่ปุ่นถึงขั้นเอาเข็มหรือตราโรงเรียนมา ชุดยูนิฟอร์มพื้นฐานทั่วไปไม่จำเป็นต้องใส่รายละเอียดมากขนาดนั้น “ส่วนใหญ่ชุดนักเรียนญี่ปุ่น ที่คนไทยคอสตาม โดยการตัดชุดใส่หรือหาซื้อเอามาประยุกต์ใช้เข้าด้วยกัน เราไม่จำเป็นต้องไปหาว่าจะไปคอสยูนิฟอร์มของโรงเรียนอะไรในญี่ปุ่น ชุดนักเรียนก็คือว่าหาได้ทั่วๆ ไป อย่างถ้าพูดถึงชุดนักเรียนญี่ปุ่น ทุกคนก็จะวาดภาพออก พื้นฐานก็คือเสื้อเชิ้ตสีขาว กระโปรงลายสกอตสีแดง โบว์ตรงหน้าอก อันนี่คือเบสิกที่สุดแล้วค่ะ คือไม่จำเป็นต้องไปเอาแบบมาจากบ้านเขาเป๊ะๆ ขนาดนั้น” ในส่วนกรณีที่เว็บไซต์ญี่ปุ่นนำชุดนักศึกษาไทยไปลงขายในอินเทอร์เน็ตนั้น แอมให้ความเห็นว่า “ในประเทศญี่ปุ่นเปิดกว้างเรื่องคอสเพลย์มาก ถึงแม้จะเคยมีการฟ้องร้องเรื่องคอสเพลย์ตามตัวละครการ์ตูนก็ตาม แต่สังคมญี่ปุ่นถือว่าเป็นการช่วยโปรโมตผลงานไปในตัว ซึ่งถามว่าการนำชุดนักศึกษาไทยที่มีทั้งเข็ม หรือตรามหาวิทยาลัยไปคอสนั่น ค่อนข้างไม่เหมาะสม เพราะวงการคอสเพลย์ของญี่ปุ่นมีทั้งคอสแบบเรียบร้อยธรรมดาทั่วไป และคอสแบบโชว์วาบหวิว ซึ่งแอมก็ไม่รู้ว่าเขาเอาชุดเราไปใส่ในแนวทางไหน” นอกจากนี้ แอมยังเคยอ่านเจอเรื่องชุดนักศึกษาไทยในมุมมองคนญี่ปุ่นด้วยว่าเป็นชุดที่เซ็กซี่ที่สุด “เคยอ่านเจอในเว็บว่าชุดนักศึกษาไทยดูเซ็กซี่กว่าชาติอื่น เพราะเสื้อเชิ้ตรัดรูป กระโปรงก็รัดเห็นทรวดทรง เขาว่าชุดนักศึกษาเมืองไทยเซ็กซี่ที่สุด นั่นอาจเป็นเหตุผลที่เลือกหยิบชุดนักศึกษาไทยไปใช้สำหรับการคอสเพลย์ก็ได้” อย่างไรก็ตาม การซื้อขายชุดนักศึกษาไทยผ่านทางเว็บไซต์ดังกล่าว จึงต้องได้รับการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่ทางมหาวิทยาลัยรามคำแหงก่อนว่าเป็นไปในลักษณะใด ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยหรือไม่ และมีความเหมาะสมมากน้อยเพียงใด ทั้งนี้ ก็ต้องขึ้นอยู่กับทางมหาวิทยาลัยรามคำแหงว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป